Tense
1. Present Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน
โครงสร้างไวยากรณ์: S + V1
ตัวอย่างประโยค:
I study at Harvard University. ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
2. Past Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต
และตอนนี้ทุกอย่างก็ได้จบลงแล้ว
โครงสร้างไวยากรณ์: S + V2
ตัวอย่างประโยค:
I lived in Germany. ฉันเคยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
3. Future Simple Tense ใช้เพื่อบอกความตั้งใจ
หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will, shall + V1
ตัวอย่างประโยค:
I will go to Japan next month. ฉันจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้า
4. Present Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่
ณ ขณะที่พูด และใช้บอกการกระทำที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ (ปีนี้, เดือนนี้) หรือบอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ก็ได้
โครงสร้างไวยากรณ์: S + is, am, are + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I am going to school. ฉันกำลังจะไปโรงเรียน
5. Past Continuous
Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต
หรือบอกเหตุการณ์หนึ่งในอดีตที่กำลังดำเนินอยู่ ก่อนที่อีกเหตุการณ์จะเกิดขึ้น
โครงสร้างไวยากรณ์: S + was, were + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I was working all day yesterday. ฉันยุ่งทั้งวันเลยเมื่อวานนี้
6. Future Continuous
Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต
และใช้กับเหตุการณ์หนึ่งในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ก่อนที่อีกหนึ่งเหตุการณ์จะเกิดตามมา
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will be + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I will be studying in tomorrow morning. พรุ่งนี้ตอนเช้า ผมคงจะกำลังเรียนอยู่
7. Present Perfect
Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
และจะใช้ since, for ร่วมด้วยเสมอ หรือบอกเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งจะจบลงหมาด ๆ
โครงสร้างไวยากรณ์: S + have,has +V3
ตัวอย่างประโยค:
I have worked in Japan since 2010. ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
8. Past Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แน่ชัด
หรือใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต โดยจะใช้ Past Perfect Tense กับเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเสมอ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tense
โครงสร้างไวยากรณ์: S + had +V3
ตัวอย่างประโยค:
Two students had gone before the teacher came
to the room. นักเรียนสองคนออกไปจากห้องแล้ว
ก่อนที่ครูจะเข้ามา
9. Future Perfect
Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะสิ้นสุดลงในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต
หรือใช้กับเหตุการณ์หนึ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
ก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นตามมา
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will + have + V3
ตัวอย่างประโยค:
Apple will have launched its new iPhone by
2012. แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ภายในปี 2012
10. Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเน้นว่าจะทำต่อไปในอนาคตด้วย เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Present Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องและเน้นว่าจะทำต่อไปเท่านั้นเอง
โครงสร้างไวยากรณ์: S + have/has been + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I have been working in Japan since 2010. ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
11. Past Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต
และได้สิ้นสุดลงแล้ว เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Past Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องชัดเจนขึ้น
โครงสร้างไวยากรณ์: S + had been + V ing
ตัวอย่างประโยค:
I had been painting the wall before the dog
scratched it. ฉันทาสีกำแพงก่อนที่เจ้าหมาจะมาขีดข่วนมัน
12. Future Perfect
Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต
และก็จะดำเนินต่อไปอีกหลังจากนั้น หรือใช้เหมือนกับ Future Perfect Tense แต่เน้นความต่อเนื่องของการกระทำหนึ่งในอนาคต
โครงสร้างไวยากรณ์: S + will/shall + have been + V ing
ตัวอย่างประโยค
By the next year, I will have been working for 10 years. ผมจะทำงานครบ 10 ปีในปีหน้านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น